แหล่งให้เลข หลวงพ่อพูล

Home / ข่าวหวย เลขเด็ด / แหล่งให้เลข หลวงพ่อพูล
หลวงพ่อพูล “วัดไผ่ล้อม นครปฐม”
หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม กลายเป็นข่าวฮือฮาสำหรับคนหาเลขเด็ด หลังจากพระมงคลสิทธิการ หรือหลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2548 ก็มีบรรดาลูกศิษย์ได้นำตัวเลขที่เกี่ยวกับหลวงพ่อพูลไป ตีเป็นเลขเด็ดเพื่อซื้อหวยไม่ว่าจะเป็นอายุ เลขฝาโลง ทะเบียนรถ เวลามรณภาพ และอื่นๆ อีก มากมาย ปรากฏว่าตัวเลขเหล่านั้นทำให้มีผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลติดต่อกันถึง 14 งวด เป็นเงินหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว หลังจากนั้นวัดไผ่ล้อมจึงกลายเป็นแหล่งรวมตัวของบรรดาหาเลขเด็ดจากทั่วประเทศ

หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นครปฐม หลวงพ่อพูล ชื่อนี้ประจักษ์ในฐานะพระเกจิอาจารย์อันดับแนวหน้าของประเทศไทยและนับเป็น สุดยอดพระผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเมตตาบารมี เป็นเนื้อนาบุญอันไพศาล?.. ที่ผ่านมาชีวิตของท่านอุทิศแล้วในพระพุทธศาสนา?..ด้วยแรงกายแรงใจช่วย เหลือผู้ยากไร้มิเคยขาด ที่สำคัญท่านพ้นวังวนของกิเลสและตัณหา มุ่งแผ่เมตตาธรรมโดยถ้วนหน้าแก่ทุกชีวิตที่เข้ามาพึ่งใบบุญโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ สายตาของท่านมองทุกคนด้วยความเท่าเทียม ทุกคนจึงได้รับจากการปฏิบัติจาก หลวงพ่อพูล อย่างดีมาโดยตลอด
หลวงพ่อพูล เป็นพระที่มีเคร่งครัดพระธรรมวินัย ด้วยความสมถะท่านจะนิ่ง พูดน้อย จนได้รับสมญา ?ของจริงต้องนิ่งใบ้? หลวงพ่อพูล ท่านเกิดในสกุล ?ปิ่นทอง? เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย. 2455 ปีชวด (ร.ศ.131) เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดาชื่อ ?นายจู ปิ่นทอง? มารดาชื่อ ?นางสำเนียง ปิ่นทอง? ณ บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.ดอนยายหอม นครปฐม จบการศึกษาประถม 4 ที่โรงเรียนวัเห้วยจระเข้ นครปฐม ปีพ.ศ. 2471 จากนั้นจึงได้ฝึกอ่านเขียนอักษรขอมและแพทย์แผนโบราณจาก ?ปู่แย้ม ปิ่นทอง? ผู้นี้มีศักดิ์เป็นปู่แท้ๆ และได้รับการถ่ายทอดวิชา คาถาอาคม จาก หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงปู่กลั่น วัดพระประโทนเจดีย์ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อพูล วัยหนุ่มนั้น ชอบวิชาการต่อสู้ของลูกผู้ชาย จึงฝึกและศึกษาวิชามวยไทย และที่สำคัญท่านเคยเป็นนักมวยฝีมือดีคนหนึ่ง จนมีอายุครบวัยเกณฑ์ทหาร หลวงพ่อพูล ได้ทำหน้าที่พลเมืองดีของชาติ ด้วยการไปทำการคัดเลือกทหาร สังกัดทหารม้า เป็นทหารรักษาพระองค์ กองบัญชาการ เดิมอยู่ที่สะพานมัฆวาน กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดย หลวงพ่อพูล ได้รับยศเป็นนายสิบตรี มีเงินเดือนขณะนั้นเดือนละ 2 บาท
เรื่องการเป็นทหารรับใช้ชาตินี้นับเป็นความภาคภูมิใจของท่านเป็นอย่างมาก หลังจากปลดจากประจำการแล้ว ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2480 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 12 ค่ำ ปีฉลู ณ พัทธสีมาวัดพระงาม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมี พระครูอุตตการบดี (หลวงปู่สุข ปทฺวณฺโณ) เจ้าคณะ อ.เมือง เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังบวชแล้ว ได้พำนักอยู่ที่วัดพระงาม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อ พ.ศ.2482 ในระหว่างนี้เองหลวงพ่อพูลท่าน ได้ให้ความสนใจศึกษาด้านการเจริญสมาธิจิต ฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐาน ตามคำสอนควบคู่กับการศึกษาวิชาอาคม ซึ่งได้รับมอบมาจาก ปู่แย้ม ปิ่นทอง และด้วยพื้นฐานความรู้ที่มีอยู่แล้ว
จึงทำให้ท่านศึกษาถ่ายทอดมหาพุทธาคมได้อย่างรวดเร็ว และที่วัดพระงามนี้ ทำให้ท่านได้มีโอกาสฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม ในกระบวนพระเกจิอาจารย์ที่เป็นบูรพาจารย์ของ หลวงพ่อพูล ซึ่งท่านเคารพนับถือมากรูปหนึ่งคือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ได้รับคำแนะนำสั่งสอนเรื่องการเจริญสมาธิภาวนา การเขียนอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกวัตถุมงคล วิชาอาคมต่างๆ หลวงพ่อเงินเมตตาถ่ายทอดอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งเมื่อได้รับคำแนะนำจนเป็นที่มั่นใจแล้ว ท่านจึงออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรฝึกฝนสมาธิจิต และในปี พ.ศ. 2490 วัดไผ่ล้อมเกิดขาดเจ้าอาวาสปกครองวัด เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสแต่ละรูปอยู่ปกครองวัดได้ไม่นานต้องลาสิกขาไป
หลวงพ่อพูล ย้ายมาจำพรรษาประจำอยู่วัดไผ่ล้อม พร้อมกับได้ทำการก่อสร้าง และพัฒนาวัดเรื่อยมา ตลอดเวลาท่านพยายามมุมานะในการศึกษาด้านการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน และวิชาต่างๆ ที่สามารถที่จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้โดยตลอดเวลา ปัจจุบันหลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข แห่งวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม อายุ 94 ปี แม้ท่านจะมีอายุที่มากแล้ว แต่ภารกิจของท่านก็ยังคงต้องมีเรื่องให้ท่านปฏิบัติไม่ว่างเว้นท่านสร้าง ความเลื่อมใสศรัทธาแก่คนหมู่มาก จากปากต่อปากทำให้มีผู้ที่มาสักการะขอพรจากท่านเป็นจำนวนมากทวีคูณขึ้น เรื่อยๆ จตุปัจจัยไทยทานที่สาธุชนได้บริจาคมานั้น ท่านไม่เคยสะสม มีเท่าไหร่ ท่านก็นำไปบริจาคสร้างถาวรวัตถุ สร้างความเจริญไว้แก่วัดไผ่ล้อมจนเกิดความเจริญรุ่งเรืองแลดูสวยงามสบายตา เหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา 94ปีของ พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณ พระมงคลสิทธิการ หรือ หลวงพ่อพูล อตฺตรกฺโข ได้ล่วงเลยไปตามวัยของสังขารในฐานะสมภารเจ้าวัดกลับรังสรรค์ผลงานให้กับคณะ สงฆ์ได้ดีไม่มีบกพร่อง ทั้งงานด้านปกครองคณะสงฆ์ ด้านสาธารณูปการ ด้านสาธารณสงเคราะห์ โดยเฉพาะด้านศึกษาสงเคราะห์ และเผยแพร่พระธรรมวินัยได้ครบถ้วน สมเป็นพระอาจารย์ที่มีคณะศิษย์ศรัทธาเลื่อมใสทั่วประเทศ
วันที่ 28 ธันวาคม 2547 หลวงพ่อป่วยลง คณะศิษย์ใกล้ชิดได้นำท่านเข้าตรวจเช็คร่างกาย ณ โรงพยาบาลนครปฐม ท่านควรรักษาตัวทีตึกสงฆ์ จนวันที่ 31 ธันวาคม ได้มีงานฉลองสมณศักดิ์พัดยศถวายวัดไผ่ล้อม ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อพูลอาการไม่ดีขึ้นและหมอลงความเห็นว่า หลวงพ่อพูลมีอาการลิ้นหัวใจรั่วและน้ำท่วมปอด ต่อมา 31 มกราคม พ.ศ. 2548 ได้ย้ายหลวงพ่อพูลไป รักษาตัว ที่โรงพยาบาลสมิติเวส กรุงเทพ ทำการรักษาตัว หลวงพ่อและปาฏิหาริย์มีจริง กว่า 4 เดือนที่หลวงพ่อ รักษาตัว เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม อาการหลวงพ่อดีขึ้น จนแพทย์แปลกใจจึงอนุญาตให้กลับวัดได้ ต่อมาวันที่ 17 พฤษภาคม หลวงได้เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก พระขุนแผน-กุมารทองแม้ท่านจะนอนอยู่บนเตียง ที่ทางวัดเตรียมให้ ต่อมา 21 พฤษภาคม อาการ หลวงพ่อพูล ทรุดลงอีกครั้ง แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
อาการหลวงพ่อพูลดีขึ้น อากาศยามเช้าวันอาทิตย์ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 สดใสไร้เมฆฝน กระทั่งเวลา 14.55 น. เสียงเครื่องวัดชีพจรสงบลง ศิษย์ทุกคนตื่นขึ้นหลวงพ่อพูลได้ละสังขารจากพวกเขาไปแล้ว อย่างสงบทิ้งเพียงเสียงธรรมสั่งสอน และคุณงามความดี ที่สั่งสมมาตลอด 93 ปี
ขอขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบจาก?www.buddhawax.com