หลวงตามหาบัว ละสังขารอย่างสงบแล้วเมื่อเวลาประมาณ 03.53 ของวันที่ 30 มกราคม 54
นายแพทย์ผู้ดูแลได้สรุปรายงานการรักษาไว้ดังนั้น
เวลาประมาณ 02.49 น. หลวงตามหาบัว มีอาการทรุดลง อยู่ในภาวะวิกฤติ ระดับความดันโลหิตเริ่มต่ำลง พบสมองหยุดทำงาน
เวลา 03.25 น. ตรวจพบม่านตาขยาย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า
เวลา 03.40 น. ชีพจร 54 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/49 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์
เวลา 03.50 น. ชีพจร 49 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 38/16 มิลลิเมตรปรอท ออกซิเจนในเลือดมีค่าเท่ากับศูนย์
เวลา 03.53 นาที หัวใจหยุดเต้นและหยุดหายใจ
สำหรับประวัติของหลวงตามหาบัว
หลวงตามหาบัวกำเนิดในครอบครัวชาวนา ณ บ้านตาด อุดรธานี เมื่อวันเกิด 12 ส.ค.2456 โดยมีพี่น้อง 16 คน สมัยเด็กมีเคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง คู่ครอง ซึ่งแต่เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป
จนเมื่อมีอายุครบ 20 ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้งด้วยกัน จนครั้งสุดท้าย ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่ที่เศร้าเนื่องจากท่านไม่ยอมบวชเสียที จึงตัดสินใจยอมบวชเพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ และตั้งใจบวชเพียงระยะสั้น ๆ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2477 ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
แต่เมื่อบวชเรียนแล้ว ก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนกระทั่งเกิดข้อสงสัยว่า หากท่านปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วจะสามารถบรรลุและหลุดพ้นได้ตามพระพุทธองค์หรือไม่ หลังจากเรียนพระปริยัติธรรมได้ 3ประโยค ก็จึงเปลี่ยนมาศึกษาการปฎิบัติกรรมฐานเพียงอย่างเดียว ในช่วงนี้เองที่ได้ไปศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
หลังจากนั้น หลวงตามหาบัวก็ได้ดำเนินแนวทางในแนวทางปฎิบัติกรรมฐานเรื่อยมา